ปัญหาทางการเมืองประเภทต่างๆ
ปัญหาการทุจริตคดโกง

การทำงานในหน่วยงานต่างๆทางการเมืองนั้น ล้วนแต่มีธรรมเนียมของการคอร์รัปชันจนแทบจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ประชาชนทั่วไปก็ไม่สามารถตรวจสอบหรืออาจจะต้องจำยอมในการดำเนินการติดสินบนกับหน่วยงาน เพื่อให้สามารถดำเนินเรื่องได้อย่างราบรื่น
ปัญหาความขัดแย้งของแต่ละฝ่าย

ปัญหาการเห็นประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง
จากการที่นักการเมืองมีอำนาจอยู่ในมือ ทำให้เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และพวกพ้อง หรือเรียกว่าการเมืองแบบระบบอุปถัมภ์ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการเห็นประโยชน์ของตนเอง และพรรคพวก มากกว่าผลประโยชน์ทางสังคม และประเทศชาติ
ระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมและเศรษฐกิจการตลาดที่ส่งเสริมการเติบโตของ ระบบทุนนิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้ธุรกิจการค้าขยายตัวและต้องอาศัยการดำเนินการทางการเมืองเพื่อช่วยผลัก ดันผู้ประกอบการที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อลดผลกระทบทางลบของนโยบาย ก่อให้เกิดความสัมพันธ์กับนักการเมืองที่แยกจากกันได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักการเมืองที่มีอาชีพทางธุรกิจก่อนเข้าสู่วงการเมือง และยังต้องการรักษาอาชีพและผลประโยชน์เดิมไว้ต่อไป
นอกจากนี้ก็จะมีกรณีตัวอย่างให้เห็นอยู่เนืองๆว่า หากนักการเมือง หรือพวกพ้องของนักการเมือง เกิดคดีความเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เรื่องมักจะเงียบหายไปโดยที่คนทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด
ดังนั้นการควบคุม พฤติกรรมของนักการเมืองให้ประสบผลสำเร็จจึงจำเป็นต้องสร้างสำนึกหรือมโนธรรม แห่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี โดยให้เกิดความรู้สึกละอายหากจะทำในสิ่งไม่ถูกไม่ควร หรือเรียกได้ว่า “คุณธรรมและจริยธรรม”
หลักจริยศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาทางการเมืองในสังคมไทย
จริยธรรมตามหลักนิติรัฐ
ยึดหลักการว่า การบริหารงานใดได้ดำเนินการถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย ถือว่าการบริหารงานนั้นถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวคิดนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีปัญหาเรื่องความไม่ครอบคลุม เพราะกฎหมายมักจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่เกิดปัญหา และเพื่อมิให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก จึงออกกฎหมายมาบังคับใช้ ดังนั้นกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันจึงไม่เพียงพอในการกำกับพฤติกรรมการบริหาร งานให้อยู่ในกรอบของจริยธรรมได้ทุกกรณี
จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรม
ยึดหลักการการพยายามแสวงหาความดีที่ยึดถือควรเป็นอย่างไร แล้วนำมาใช้เป็นมาตรฐานจริยธรรม เพื่อกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรม จึงมีความครอบคลุมกว้างขวางกว่าจริยธรรมตามหลักนิติรัฐ อย่างไรก็ตาม จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรมมีจุดอ่อนที่สำคัญ คือ ขาดบทบังคับการลงโทษเมื่อมีการละเมิด เป็นความแตกต่างจากจริยธรรมตามหลักนิติรัฐ
จริยธรรมในเชิงพุทธ
หลักจริยธรรมในเชิงพุทธ หรือเรียกว่า พุทธจริยธรรม เป็นหลักการดำเนินชีวิตในพุทธจริยศาสตร์ ที่เป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อยของตนเองและสังคม และบรรลุเป้าหมายของชีวิตอันอยู่ในกรอบของความดีตามเกณฑ์ของพุทธจริยศาสตร์
สำหรับนักการเมือง ก็มีหลักจริยธรรมที่ควรน้อมมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองในด้านต่างๆ
หลักจริยธรรมสำหรับนักการเมือง
สุจริต ๓
คือการประพฤติดี, ประพฤติชอบ, ประพฤติถูกต้องตามคลองธรรม โดยทั้งหมดนี้เป็นไปในกรอบของศีล ๕ นั่นเอง
- กายสุจริต ประพฤติชอบด้วยกาย
- วจีสุจริต ประพฤติชอบด้วยวาจา
- มโนสุจริต ประพฤติชอบด้วยใจ
พรหมวิหาร ๔
ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ คือ
- เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข
- กรุณา ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์
- มุทิตา ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข
- อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง
สังคหวัตถุ ๔
ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยว และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี คือ
- ทาน การให้
- ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ วาจาเป็นที่รัก
- อัตถจริยา การประพฤติประโยชน์
- สมานัตตตา ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชน
อคติ ๔
ความไม่เที่ยงธรรม คือ
- ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะชอบ
- โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง
- โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลงผิด
- ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
อธิปไตย ๓
- อัตตาธิปไตย มีตนเป็นใหญ่ หมายถึง ตนเองต้องมีความเป็นใหญ่ในตนเอง มีสติมีความเพียรพยายาม ในการละอกุศล บำเพ็ญกุศล ละธรรมที่เป็นโทษ บำเพ็ญธรรมที่เป็นประโยชน์ บริหารตนให้บริสุทธิ์จากกิเลสทั้งหลา
- โลกาธิปไตย มีโลกเป็นใหญ่ หมายถึงโลกสันนิวาสที่หมู่สัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่ หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เรา ทำโลกหรือคนอื่นให้เป็นอธิปไตย ส่วนตัวเราเองละอกุศล บำเพ็ญกุศล ละธรรมที่เป็นโทษ บำเพ็ญธรรมที่เป็นประโยชน์ บริหารตนให้บริสุทธิ์จากกิเลสทั้งหลาย
- ธัมมาธิปไตย มีธรรมเป็นใหญ่ หมายถึงการให้ความเคารพในธรรม ถือธรรมเป็นใหญ่ในการบริหารตนเพื่อให้มีความเพียรที่ถูกต้อง ในการละอกุศล บำเพ็ญกุศล ละธรรมที่เป็นโทษ บำเพ็ญธรรมที่เป็นประโยชน์ บริหารตนให้บริสุทธิ์จากกิเลสทั้งหลาย
ราชธรรม ๑๐ หรือ ทศพิธราชธรรม
- ทาน การให้
- ศีล ความประพฤติดีงาม
- ปริจจาคะ การบริจาค
- อาชชวะ ความซื่อตรง
- มัททวะ ความอ่อนโยน
- ตปะ ความแผดเผากิเลสตัณหา
- อักโกธะ ความไม่โกรธ
- อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน
- ขันติ ความอดทน
- อวิโรธนะ ความไม่คลาดธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น